ภิกษุแสดงธรรมว่า ธรรม ชื่อว่า ย่อมพินิจในสถานะควรพินิจ. . .
ภิกษุแสดงอาบัติชั่วหยาบว่า อาบัติชั่วหยาบ ชื่อว่า ย่อมพินิจใน
สถานะควรพินิจ
ภิกษุแสดงอาบัติไม่ชั่วหยาบว่า อาบัติไม่ชั่วหยาบ ชื่อว่า ย่อมพินิจ
ในสถานะควรพินิจ
อย่างนี้ ภิกษุชื่อว่า ย่อมพินิจในสถานะควรพินิจ.
ว่าด้วยเพ่งเล็ง
[1,110] ถามว่า อย่างไร ชื่อว่า ย่อมเพ่งเล็งในสถานะควรเพ่งเล็ง
ตอบว่า ภิกษุแสดงอธรรมว่า อธรรม ชื่อว่า ย่อมเพ่งเล็งในสถานะ
ควรเพ่งเล็ง
ภิกษุแสดงธรรมว่า ธรรม ชื่อว่า ย่อมเพ่งเล็งในสถานะควรเพ่งเล็ง. . .
ภิกษุแสดงอาบัติชั่วหยาบว่า อาบัติชั่วหยาบ ชื่อว่า ย่อมเพ่งเล็งใน
สถานะควรเพ่งเล็ง
ภิกษุแสดงอาบัติไม่ชั่วหยาบว่า อาบัติไม่ชั่วหยาบ ชื่อว่า ย่อมเพ่งเล็ง
ในสถานะควรเพ่งเล็ง
อย่างนี้ ภิกษุชื่อว่า ย่อมเพ่งเล็งในสถานะควรเพ่งเล็ง.
ว่าด้วยความเลื่อมใส
[1,111] ถามว่า อย่างไร ชื่อว่า เลื่อมใสในสถานะควรเลื่อมใส
ตอบว่า ภิกษุแสดงอธรรมว่า อธรรม ชื่อว่า ย่อมเลื่อมใสในสถานะ
ควรเลื่อมใส